'ในปฐมกาล พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งในฟ้าสวรรค์และโลก '
ปฐมกาล 1:1
'ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์ ตามพระฉายของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างพวกเขาขึ้น พระองค์ทรงสร้างทั้งผู้ชายและผู้หญิง '
ปฐมกาล 1:27
'และพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาเขาไว้ว่า “เจ้ามีอิสระที่จะกินผลจากต้นใดๆ ในสวนก็ได้ แต่เจ้าต้องไม่กินผลจากต้นแห่งการรู้ดีรู้ชั่ว เพราะถ้าเจ้ากินผลของมันเมื่อใด เจ้าจะตายแน่นอน” '
ปฐมกาล 2:16-17
'พระเจ้าพระยาห์เวห์จึงตรัสแก่งูนั้นว่า “เพราะเจ้าได้ทำเช่นนี้ “เจ้าจึงถูกสาปแช่งหนักกว่าสัตว์ใช้งานทั้งสิ้น และสัตว์ป่าทั้งปวง! เจ้าจะเลื้อยไปด้วยท้อง และเจ้าจะกินธุลีดิน ตราบชั่วชีวิตของเจ้า เราจะให้เจ้ากับหญิงนั้น เป็นศัตรูกัน ทั้งเผ่าพันธุ์ ของเจ้ากับของนางด้วย เขาจะฟาดศีรษะของเจ้า และเจ้าจะฉก ส้นเท้าของเขา” '
ปฐมกาล 3:14-15
'คนโง่ รำพึงอยู่ในใจว่า “ไม่มีพระเจ้า” พวกเขาเสื่อมทราม การกระทำของพวกเขาก็ชั่วช้าสามานย์ ไม่มีสักคนที่ทำดี องค์พระผู้เป็นเจ้า ทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ ดูมวลมนุษยชาติ เพื่อดูว่ามีสักคนไหมที่เข้าใจ มีสักคนไหมที่แสวงหาพระเจ้า ทุกคนหันหนีไปหมด ทุกคนกลายเป็นคนเสื่อมทราม ไม่มีสักคนที่ทำดี ไม่มีแม้แต่คนเดียว '
สดุดี 14:1-3
'แน่ทีเดียว พระกรของ องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ได้สั้นเกินกว่าจะช่วยให้รอด ทั้งพระกรรณของพระองค์ก็ไม่ได้ตึงเกินกว่าจะได้ยิน แต่ความชั่วช้าของเจ้าต่างหาก ที่ได้แยกเจ้าออกจากพระเจ้าของเจ้า บาปของเจ้าทำให้พระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์จากเจ้า พระองค์จึงไม่สดับฟัง '
อิสยาห์ 59:1-2
'อับราฮัมจึงเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอัค ตัวเขาเองถือมีดและไฟ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปด้วยกันนั้น อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาของเขาขึ้นมาว่า “พ่อ” อับราฮัมตอบว่า “อะไรหรือลูก?” อิสอัคกล่าวว่า “ไฟกับฟืนก็มีอยู่ที่นี่แล้ว แต่ลูกแกะสำหรับเผาบูชาอยู่ที่ไหนเล่า?” อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะจัดเตรียมลูกแกะสำหรับเผาบูชาไว้เอง” แล้วทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน '
ปฐมกาล 22:6-8
'ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะประทานหมายสำคัญแก่ท่าน คือหญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย และ จะเรียกบุตรนั้นว่าอิมมานูเอล '
อิสยาห์ 7:14
'แน่ทีเดียว เขารับความอ่อนแอทั้งหลายของเรา และแบกรับความทุกข์โศกของเราไป ถึงกระนั้นเรากลับถือว่าเขาถูกพระเจ้าตี คือถูกพระองค์โบยตีและทรมาน แต่เขาถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของเรา เขาบอบช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา เขารับโทษทัณฑ์เพื่อเราจะมีสันติสุข บาดแผลของเขาทำให้เราได้รับการรักษาให้หาย เราทุกคนหลงเตลิดไปเหมือนแกะ แต่ละคนหันไปตามทางของตน และ องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงวางความชั่วช้าของเราทุกคน ไว้บนตัวเขา '
อิสยาห์ 53:4-6
'มีชายคนหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็มชื่อสิเมโอน เขาเป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขากำลังรอคอยเวลาที่ชนอิสราเอลจะได้รับการปลอบประโลมและพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเขา พระวิญญาณได้ทรงสำแดงแก่เขาว่าเขาจะได้เห็นพระคริสต์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าส่งมาก่อนที่เขาจะตาย พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเขามายังลานพระวิหาร เมื่อบิดามารดานำพระกุมารเยซูมาประกอบพิธีให้แก่พระองค์ตามธรรมเนียมที่บทบัญญัติกำหนดไว้ “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ บัดนี้พระองค์ทรงให้ ผู้รับใช้ของพระองค์ไปอย่างเป็นสุข เพราะตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์ ความรอดซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าประชากรทั้งปวง เป็นแสงสว่างเพื่อสำแดงแก่คนต่างชาติ และเพื่อเป็นศักดิ์ศรีแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์” '
ลูกา 2:25-27,29-32
'ด้วยว่ามีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งที่ประทานแก่เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของเขา และเขาจะได้รับการขนานนามว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช” '
อิสยาห์ 9:6
'และพระกุมารทรงเติบโตแข็งแรง เปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือพระองค์ บิดามารดาของพระองค์จะไปกรุงเยรูซาเล็มทุกปีเพื่อร่วมเทศกาลปัสกา สามวันต่อมาจึงพบพระกุมารที่ลานพระวิหาร พระองค์ทรงนั่งอยู่ในหมู่อาจารย์ กำลังฟังและซักถามอาจารย์เหล่านั้น ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ล้วนประหลาดใจในความเข้าใจและคำตอบของพระองค์ '
ลูกา 2:40-41,46-47
'นี่คือคำพยานของยอห์น เมื่อชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มส่งพวกปุโรหิตและคนเลวีมาถามว่าเขาเป็นใคร ยอห์นตอบโดยยกคำของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เราคือเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นกันดารว่า ‘จงทำทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ” วันต่อมายอห์นเห็นพระเยซูเสด็จมาทางเขา จึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดก ของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป! '
ยอห์น 1:19,23,29
'“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ '
ยอห์น 3:16
'จงก้มกราบพระบุตรนั้น มิฉะนั้นพระองค์จะทรงพระพิโรธ และท่านกับหนทางต่างๆ ของท่านจะถูกทำลาย เพราะว่าพระพิโรธของพระองค์จะพลุ่งขึ้นในพริบตา ความสุขมีแก่ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์'
สดุดี 2:12
'เพราะว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระเกียรติสิริของพระเจ้า '
โรม 3:23
'อับราฮัมบิดาของท่านปีติยินดีที่จะได้เห็นวันของเรา เขาก็ได้เห็นแล้วและมีความยินดี” พวกยิวทูลพระองค์ว่า “ท่านอายุยังไม่ถึงห้าสิบปีและท่านได้เห็นอับราฮัมแล้วเชียวหรือ!” พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ก่อนอับราฮัมเกิด เราก็เป็นอยู่แล้ว!” เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาจึงหยิบก้อนหินขึ้นจะขว้างพระองค์แต่พระเยซูทรงเลี่ยงหลบและเสด็จออกไปจากบริเวณพระวิหาร'
ยอห์น 8:56-59
'เราบอกแล้วว่าท่านจะตายในบาปของท่าน ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะตายในบาปของท่านอย่างแน่นอน” '
ยอห์น 8:24
'ปีลาตถามพวกเขาว่า “แล้วจะให้ทำอย่างไรกับคนที่พวกท่านเรียกกันว่ากษัตริย์ของชาวยิว?” พวกเขาตะโกนว่า “ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!” ปีลาตถามว่า “ทำไม? เขาก่ออาชญากรรมอะไร?” แต่พวกนั้นร้องตะโกนดังขึ้นอีกว่า “ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!” เพื่อเอาใจฝูงชนปีลาตจึงปล่อยบารับบัสให้พวกเขา แล้วให้คนโบยตีพระเยซูและมอบตัวให้ไปตรึงที่ไม้กางเขน '
มาระโก 15:12-15
'เมื่อพวกเขามาถึงที่ซึ่งเรียกว่า กลโกธา ซึ่งแปลว่า สถานแห่งหัวกะโหลก ก็เอาเหล้าองุ่นผสมน้ำดีมีรสขมมาถวาย พระเยซูทรงชิมแล้วก็ไม่เสวย เมื่อเขาตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขนแล้ว ก็นำฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน และพวกเขานั่งเฝ้าพระองค์อยู่ที่นั่น เหนือพระเศียรมีข้อหาเขียนติดไว้ว่า “นี่คือเยซูกษัตริย์ของชาวยิว” '
มัทธิว 27:33-37
'และเมื่อพระเยซูทรงร้องเสียงดังอีกครั้ง พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ ขณะนั้นเองม่านในพระวิหารก็ขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่บนจรดล่าง เกิดแผ่นดินไหว ศิลาแตกออกจากกัน อุโมงค์ฝังศพเปิดออกและร่างของวิสุทธิชนหลายคนที่ตายแล้วก็ฟื้นคืนชีวิต พวกเขาออกมาจากอุโมงค์และหลังจากพระเยซูคืนพระชนม์แล้ว พวกเขาก็เข้าสู่นครบริสุทธิ์และปรากฏแก่คนเป็นอันมาก ส่วนนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระเยซูอยู่ด้วยกันเมื่อเห็นแผ่นดินไหวและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตื่นตกใจร้องว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตร ของพระเจ้า!” '
มัทธิว 27:50-54
'เมื่อวันสะบาโตผ่านไปมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และสะโลเมซื้อเครื่องหอมมาเพื่อชโลมพระศพพระเยซู เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์พอดวงอาทิตย์ขึ้นพวกเขามายังอุโมงค์ และถามกันว่า “ใครจะช่วยกลิ้งหินจากปากอุโมงค์?” แต่เมื่อมองไปก็เห็นหินก้อนนั้นซึ่งใหญ่มากถูกกลิ้งออกไปแล้ว เมื่อเข้าไปในอุโมงค์ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ทางขวาพวกนางก็ตกใจกลัว ผู้นั้นกล่าวว่า “อย่าตื่นตกใจไปเลย พวกเจ้ามาหาพระเยซูแห่งนาซาเร็ธผู้ถูกตรึงตายบนไม้กางเขน พระองค์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ จงดูที่ที่เขาวางพระศพเถิด '
มาระโก 16:1-6
'เพราะเรื่องที่ข้าพเจ้าได้รับมานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดให้ท่านคือ พระคริสต์ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ ทรงถูกฝังไว้และในวันที่สามพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้ '
1โครินธ์ 15:3-4
'ฉะนั้นความเชื่อจึงเกิดขึ้นจากการได้ยินเรื่องราวนั้น และเรื่องราวที่ได้ยินนั้นคือพระวจนะของพระคริสต์ '
โรม 10:17
'ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมจะทรงอภัยบาปของเราและชำระเราให้พ้นจากความอธรรมทั้งสิ้น '
1ยอห์น 1:9
'ส่วนคนทั้งปวงที่ยอมรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า '
ยอห์น 1:12
'พระเยซูตรัสตอบว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา '
ยอห์น 14:6
วันนี้เป็นวันแห่งความรอด
'ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราวิงวอนท่านว่าอย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า เพราะพระองค์ตรัสว่า “ในวาระแห่งความโปรดปรานเราได้ฟังเจ้า และในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า” ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่าบัดนี้คือวาระแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า บัดนี้คือวันแห่งความรอด '
2โครินธ์ 6:1-2
'เจ้าจงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้า ตลอดวันเวลาที่เจ้ายังเยาว์วัย ก่อนยามทุกข์ลำเค็ญจะมาถึง และปีเดือนเหล่านั้นใกล้เข้ามา เมื่อเจ้าจะพูดว่า “ฉันไม่เห็นชื่นชมอะไรในชีวิต” ก่อนดวงอาทิตย์และแสงสว่าง ดวงจันทร์และดวงดาวจะมืดมัวลง ก่อนเมฆจะหวนกลับมาภายหลังฝน เมื่อคนเฝ้าเรือนตัวสั่น และชายฉกรรจ์ค้อมตัวลง เมื่อคนโม่แป้งหยุดโม่เพราะเหลืออยู่ไม่กี่คน และบรรดาผู้ที่มองผ่านหน้าต่างเริ่มมองเห็นไม่ชัด เมื่อประตูที่เปิดสู่ถนนนั้นถูกปิดไป และเสียงโม่เบาลง เมื่อคนเราตื่นขึ้นยามแว่วเสียงนกร้อง แต่เสียงเพลงทั้งปวงของพวกมันก็แผ่วลง เมื่อคนเรากลัวความสูง และกลัวภัยอันตรายในท้องถนน เมื่อต้นอัลมอนด์ผลิดอก ตั๊กแตนลากขาเดินไป และความปรารถนาไม่ถูกปลุกเร้าอีกต่อไป เมื่อนั้นมนุษย์ก็ไปสู่บ้านนิรันดร์ของตน และคนไว้ทุกข์เดินไปตามถนน จงระลึกถึงพระองค์ ก่อนที่สายเงินจะขาดผึง หรือชามทองคำจะแตก ก่อนที่คนโทจะแหลกละเอียดที่น้ำพุ หรือล้อหักเสียที่บ่อน้ำ เมื่อนั้นธุลีดินจะกลับคืนสู่แผ่นดินที่มันจากมา และจิตวิญญาณกลับคืนสู่พระเจ้าผู้ประทานให้ ปัญญาจารย์ กล่าวว่า “อนิจจัง! อนิจจัง! ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง!” '
ปัญญาจารย์ 12:1-8